วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ blog การเรียนรู้เคมีครูจ๋อม
      สวัสดีครับ....ทุกๆคนที่สนใจในรายวิชาเคมี  Bloog นี้ทำขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ความรู้ แลกเปลี่ยนรู้ และแชร์ประสบการณ์ในการสอนเนื้อหา และทำโจทย์เคมีอย่างง่าย จากประสบการณ์สอนมานานนับสิบๆปี เพื่อเป็นประโยชน์กับนักเรียนที่สนใจและกำลังสืบหาเรื่องนั้นๆอยู่ครับ และช่วงนี้เกิดสภาวะะโรคระบาด Covid 19 จึงไม่รู้ว่าเราจะเปิดเรียนได้วัน เวลาใด จึงเปิดช่องทางนี้ให้นักเรียนได้ศึกษาล่วงหน้า หรือเรียนในกรณีจำเป็นในภาคเรียนที่ 1/2563  มีรายละเอียดดังนี้
    ม. 6  นักเรียนศึกษาเรื่องไฟฟ้าเคมี  ศึกษาเนื้อหาพร้อมสรุป  จัดทำแผนที่ความคิด
    ม. 5  นักเรียนศึกษาเรื่องปฏิกิริยาเคมี ศึกษาเนื้อหาพร้อมสรุป  จัดทำแผนที่ความคิด
    ม. 4  นักเรียนศึกษาเรื่องตารางธาตุ   ศึกษาเนื้อหาพร้อมสรุป  จัดทำแผนที่ความคิด

เคมีอินทรีย์ ( Organic Chemistry)

       
           โดยทั่ว ๆ ไปอาจจะแบ่งสารประกอบต่างๆ ได้เป็น  2 ประเภท คือสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์             สารอินทรีย์  หมายถึง สารที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และมีธาตุอื่นๆเป็นองค์ประกอบร่วม เช่น ธาตุ  H , O, N, P, S, Cl, และ Br  เป็นต้น  ดังนั้นสารอินทรีย์ทุกชนิดจะต้องมีธาตุ C อยู่ด้วยเสมอ  จึงกล่าวได้ว่าสารอินทรีย์ คือสารประกอบของคาร์บอน

           เคมีอินทรีย์  คือสาขาวิชาหนึ่งที่เกี่ยวกับชนิด สมบัติ การสังเคราะห์และปฏิกิริยาของสารประกอบอินทรีย์
          สารอินทรีย์  หมายถึงสารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก เดิมเชื่อว่าเกิดจากสิ่งมีชีวิตเท่านั้น  จนกระทั่งฟรีดริช  เวอเลอร์ สามารถสังเคราะห์สารอินทรีย์ได้จากสารอนินทรีย์ โดยสังเคราะห์สารอินทรีย์ (ยูเรีย)ได้จากสารอนินทรีย์ ดังสมการ

                                         NH4CNO        NH2 - CO - NH2
                   แอมโมเนียมไซยาเนต                  ยูเรีย

         สารอินทรีย์มีจำนวนมาก เนื่องจาก

  1. C สามารถเกิดได้ทั้งพันธะเดี่ยว  พันธะคู่  พันธะสาม
  2. C  สามารถสร้างพันธะกับธาตุอื่นๆได้จำนวนมาก
  3. การเกิดปรากฏการณ์ไอโซเมอร์ (สูตรโมเลกุลเหมือนกันแต่สูตรโครงสร้างต่างกัน )

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562

มารู้จักกับ C


ธาตุคาร์บอน
          เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับสารประกอบของคาร์บอน จึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุคาร์บอนก่อนดังนี้
          คาร์บอนเป็นธาตุที่มีอยู่ในโลกค่อนข้างมากทั้งในรูปของธาตุอิสระและสารประกอบ ในตรารงธาตุจัดไว้เป็นธาตุหมู่ที่ IV  คาบที่ 2 มีเลขอะตอม  6  โดยมีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น  1s2  2s2  2p2 หรือ 2 , 4  มีไอโซโทปที่สำคัญ  3  ชนิดคือ  12C ,   13C,  และ  14C  โดยมีมวลอะตอมเฉลี่ยเป็น  12.011
          สมบัติทั่ว ๆ ไปของคาร์บอนได้แก่
·     มีจุดหลอมเหลว 3730 0C และจุดเดือด 4830 0C (ในเพชร)
·     เป็นของแข็ง มีความหนาแน่น 3.51 g/cm3  ในเพชร และ 2.26 g/cm3 ในแกร์ไฟต์
·     มีรัศมีอะตอม 0.077 nm
·     มีพลังงานไอออไนเซชันลำดับที่หนึ่ง (IE1) 1086 kJ/Mol
·     มีอิเล็กโตรเนกาติวิตี 2.5
          คาร์บอนที่อยู่ในภาวะอิสระตามธรมชาติมี  2  รูป  คือ แกร์ไฟต์และเพชร



รูปที่ 10.1 โครงสร้างของแกรไฟต์และเพชร
          คาร์บอนที่อยู่ในรูปของสารประกอบมีทั้งสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์  เช่น น้ำมัน พลาสติก  กระดาษ และหินปูน เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562

การเขียนสูตรโครงสร้าง



การเขียนสูตรโครงสร้างในสารประกอบของคาร์บอน
        สูตรโครงสร้าง คือ สูตรที่นอกจากจะแสดงจำนวนอะตอมของธาตุที่เป็นองค์ประกอบของสารแล้ว ยังแสดงลักษณะการจัดเรียงอะตอมของธาตุต่าง ๆ ในโมเลกุล ซึ่งทำให้ทราบว่ามีธาตุใดบ้าง อย่างละกี่อะตอม แต่ละอะตอมยึดเหนี่ยวกับอะตอมอื่น ๆ อย่างไร  โดยทั่วไปสามารถเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบคาร์บอนได้  4  วิธีตามความเหมาะสมดังนี้
          . สูตรโครงสร้างแบบเส้น (Extended structural formula)
      วิธีนี้เป็นการเขียนสูตรที่แสดงรายละเอียดของชนิดของพันธะและตำแหน่งที่อยู่ในโมเลกุลทั้งหมด เหมาะสำหรับโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก หรือโมเลกุลที่ไม่ซับซ้อนมากนัก  เช่น
         บิวทีน (C4H8) เขียนสูตรโครงสร้างแบบเส้นได้เป็น
        เอทานอล (C2H5OH) เขียนสูตรโครงสร้างแบบเส้นได้เป็น

          ข. สูตรโครงสร้างแบบย่อ (Condensed structural formula)
             วิธีนี้เป็นการเขียนสัญลักษณ์ของ  C  ต่อเนื่องกันโดยไม่ต้องแสดงพันธะแบบเส้น  (ยกเว้นพันธะคู่และพันธะสาม) อะตอมของธาตุอื่น ๆ ที่เกิดพันธะกับ  C  อะตอมใด ให้เขียนไว้ติดกับ C อะตอมนั้นโดยไม่ต้องแสดงพันธะ และถ้าโครงสร้างมีลักษณะซ้ำ ๆ กัน ให้ใช้วงเล็บแทนการเขียนทั้งหมดได้
          เช่น     โพรเพน  (C3H8)  เขียนเป็น     CH3CH2CH3
                   บิวเทน  (C4H10)  เขียนเป็น     CH3CH2CH2CH3 หรือ  CH3(CH2)2CH3 
                   ออกเทน (C8H18)  เขียนเป็น    CH3CH2CH2CH2CH2CH2CH2CH3
        หรือ  CH3(CH2)6CH3
                   บิวทีน  (C4H8)  เขียนเป็น       CH2=CHCH2CH3
                   เอทานอล (C2H6O)  เขียนเป็น  CH3CH2OH

          . สูตรโครงสร้างแบบย่อบางส่วน (Partially extended structural formula)
          เป็นการเขียนสูตรโครงสร้างแบบย่ออีกประเภทหนึ่ง โดยผสมระหว่างแบบ ก.  และ ข. เพื่อต้องการเน้นบางอย่างให้เด่นชัดขึ้น การเขียนสูตรประเภทนี้มักจะแสดงพันธะระหว่าง C กับ C  สำหรับพันธะระหว่าง C  กับอะตอมอื่น ๆ จะแสดงหรือไม่ก็ได้  เช่น
          บิวเทน  (C4H10)   เขียนเป็น  CH3 - CH2 - CH2 - CH3
          เอทานอล (C2H6O) เขียนเป็น  CH3 - CH2 - OH  หรือ  C2H5 - OH

          . Bond line convention
          เหมาะสำหรับโมเลกุลใหญ่ ๆ ที่มีจำนวนอะตอมของคาร์บอนมาก ๆ ในสูตรโครงสร้างแบบนี้ไม่ต้องแสดงอะตอมของ C  หรืออะตอมของ  H  ที่เกาะกับ  C  ให้ใช้เส้นตรงแทนโครงสร้างโดยตรง จุดตัดของเส้นตรงจะแสดงตำแหน่งของ C  จุดปลายของโครงสร้างถ้าไม่มีอะตอมอื่นเขียนไว้แสดงว่าเป็นอะตอม C  เช่น

          จะเห็นได้ว่าสูตรโครงสร้างแบบต่าง ๆ ที่แสดงให้ดูนั้น อยู่ในลักษณะ 2 มิติ ซึ่งความจริงการจัดเรียงอะตอมของธาตุจะเป็นลักษณะ 3 มิติ เนื่องจากทิศทางการเกิดพันธะของคาร์บอนบังคับไว้ ทำให้ไม่ได้ต่อกันอยู่ในแนวเส้นตรง
          พิจารณา ตัวอย่างการเขียนสูตรโครงสร้างแบบ  3  มิติต่อไป
. มีเทน (CH4)

          .  อีเทน (C2H4 หรือ CH2 = CH2)

          . อีไทน์หรืออเซทิลีน (C2H2 หรือ HCCH)




          . บิวเทน (C4H10)

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562

หมู่ฟังก์ชันที่สำคัญและควรจะรู้จัก



หมู่ฟังก์ชันที่สำคัญและควรจะรู้จักมีดังนี้

ประเภท                   ชื่อหมู่ฟังก์ชัน        สูตรทั่วไป        ตัวอย่างสารประกอบ

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562

การจำแนกประเภทของสารอินทรีย์


การจำแนกประเภทของสารอินทรีย์
การจำแนกประเภทของสารอินทรีย์โดยใช้หมู่ฟังก์ชันเป็นเกณฑ์จะได้ดังแผนภาพต่อไปนี้
                                                   
                                                                      สารอินทรีย์
                                    !--------------------------------!------------------------------!
                                  ไฮโดรคาร์บอน                                  อนุพันธ์ของไฮโดรคาร์บอน
!-------------------------!-----------------------------!
1.อะลิฟาติก     2.อะลิไซคลิก             3.อะโรมาติก          - แอลกอฮอล์
อัลเคน                ไซโคลอัลเคน              เบนซิน                   -ฟีนอล 
อัลคีน                 ไซโคลอัลคีน                                              -อีเทอร์
อัลไคน์               ไซโคลอัลไคน์                                            -แอลดีไฮด์
                                                                                              -คีโตน  ฯลฯ

 ไฮโดรคาร์บอน หมายถึง สารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยคาร์บอนและไฮโดรเจนเท่านั้น

      อะลิฟาติก (aliphatic)  หมายถึง สารอินทรีย์ที่คาร์บอนไม่ได้ต่อกันเป็นวงหรือ เรียกว่าต่อกันแบบ
       โซ่เปิด อาจเป็นโซ่ตรง หรือโซ่กิ่ง และมีได้ทั้งพันธะเดี่ยว พันธะคู่และพันธะสาม

     อะลิไซคลิก (alicyclic)  หมายถึงสารอินทรีย์ที่คาร์บอนต่อกันเป็นวง

     อะโรมาติก (aromatic) หมายถึงสารอินทรีย์ที่มีคาร์บอนต่อกันเป็นวงโดยมีวงแหวนเบนซีนเป็น
        โครงสร้างหลัก เช่น โทลูอีน